1 ใน 5 ของ วิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายไม่ควรขาด นั่นก็คือวิตามิน ซี นั่นเอง นอกเหนือจาก วิตามิน เอ, ดี, อี และแคลเซียม เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามิน ซี สามารถละลายในน้ำได้ สาเหตุที่เราขาดวิตามิน ซี เพราะ สลายตัวได้ง่าย เพียงแค่สัมผัสกับอากาศในระยะเวลาไม่นาน หรือ โดนความร้อนเพียงเล็กน้อย เท่านั้น
วิตามิน ซี มีประโยชน์อย่างไร เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงมาก ดีต่อสุขภาพผิว ช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ไม่ให้ป่วยง่าย เช่น เป็นหวัด ภูมิแพ้ เป็นสารสำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน ทำให้ผิวยืดหยุ่นไม่เหี่ยวย่น ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
คนเราไม่สามารถผลิตวิตามิน ซี ขึ้นเองได้ เราจึงจำเป็นต้องได้จากแหล่งอื่น นอกจากนี้ ร่างกายยังไม่สามารถเก็บสะสมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น เราจึงต้องได้รับในปริมาณที่สม่ำเสมอ และ เพียงพอในแต่ละวัน (ปริมาณที่แนะนำคือ 1000 มิลลิกรัม/วัน) การได้รับวิตามิน ซี ไม่เพียงพอในแต่ละวันเป็นเวลานาน ๆ อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าผักผลไม้ที่มีวิตามิน ซี สูง ๆ จะต้องเป็นมีรสเปรี้ยวเท่านั้น มีผลไม้ชนิดหนึ่งแต่คนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นผัก ซึ่งผมก็เข้าใจตามประสาชาวบ้านทั่วไปว่าเป็นผัก ซึ่งจะเป็นผักหรือผลไม้อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากมายแต่ผมขอเรียกว่าเป็นผักก็แล้วกัน ถึงแม้รสชาดจะไม่ได้เปรี้ยวจี้ดจ๊าด แต่มีวิตามิน ซี อยู่ในอันดับต้น ๆ ได้แก่
พริกหวาน มีวิตามิน ซี สูงมาก ๆ จัดอยู่ในอันดับ 3 ของผักผลไม้ที่มีวิตามิน ซี สูงที่สุด (อันดับหนึ่ง คือ มะขามป้อม อันดับสองฝรั่ง พริกหวานสามารถรับประทานได้ทั้งสุก และ ดิบ กรณีดิบสามารถนำมาทำน้ำแยกกากสกัดเย็นได้ หรือ นำไปผ่านความร้อนทำให้สุก
แต่เมื่อนำไปผ่านความร้อนเมื่อไหร่ วิตามิน ซี ที่มีอยู่จะหายไปทันทีสู้รับประทานสด ๆ ไม่ได้แน่นอน พริกหวานที่เราเห็นกันอยู่มี 3 สี ด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว เหลือง และ แดง ซึ่งแต่ละสี ให้วิตามิน ซี ไม่เท่ากัน เรามาดูสรรพคุณของพริกหวานแต่ละสีกันหน่อย
มีวิตามิน ซี น้อยที่สุด ใน 100 กรัม มีวิตามิน ซี 58.8 มิลลิกรัม พริกหวานสีนี้จะมี ลูทีนสูงที่สุด การได้รับลูทีนอย่างเพียงพอ จะมีผลดีต่อดวงตาของเรา แต่ลูทีนจะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย เมื่อเริ่มสุกโดยจะเปลี่ยนเป็น สีเหลือง และ สีแดง ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
มีวิตามิน ซี สูงที่สุด ใน 100 กรัม มีวิตามินซี 145.7 มิลลิกรัม พริกหวานสีเหลือจะมีสารแคโรทีนอยด์สูงที่สุด เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
มีวิตามินซี อันดับสอง ใน 100 กรัม มี วิตามิน ซี 141.1 มิลลิกรัม พริกหวานสีแดงจะมีสารแคปซานตินสูงที่สุด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ
สรุป พริกหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพจำนวนมาก เช่น แคปซานติน ลูทีน และ เควอซิทิน สารประกอบจากพริกหวานเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไป พริกหวานไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคน ซึ่งพบในปริมาณที่น้อยมาก หากพบอาการแพ้ให้หยุดรับประทานทันที
เมื่อได้น้ำพริกหวานสกัดเย็นออกมาแล้ว ใช้ทดลองจิบทีละนิด ๆ เพื่อทดสอบรสชาติ และ กลิ่น หรือ อาการแพ้ต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีอาการใด ๆ ก็สามารถรับประทานได้เลยครับ หากใครทานเพียว ๆ 100% ได้ก็ไม้ต้องผสมอย่างอื่นครับ
เทคนิคในการดื่ม ถึงแม้พริกหวานจะไม่มีรสเผ็ดร้อน แต่อาจจะมีการระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ และนำว่าให้ดื่มหลังอาหาร 15-20 นาที ครับ
ให้เราผสมแอปเปิ้ลเขียว ลงไป 1 ลูก โดยจะคั้นผสมรวมกันเลยก็ได้ หรือ จะสกัดน้ำพริกหวานออกมาก่อน แล้วเติมน้ำแอปเปิ้ลเขียวทีหลังก็ได้ครับ
ติดต่อเรา
Facebook : Juicer Club
Line : @juicerclub
Phone : 02-454-1465